หุ้นไทยทรุดเสี่ยงหลุด 1,600 จุด กังวลเฟดใช้ยาแรงต่อเนื่อง โบรกเกอร์ชี้กำลังเข้าโซนซื้อ

หุ้นไทยทรุดเสี่ยงหลุด 1,600 จุด กังวลเฟดใช้ยาแรงต่อเนื่อง โบรกเกอร์ชี้กำลังเข้าโซนซื้อ

ความเคลื่อนไหวการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 10 มี.ค. พบว่า ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายอย่างหนักเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วเอเชีย จากแรงกดดันจากธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าที่คาดไว้ ทำให้ดัชนีลงมาทดสอบแนวรับสำคัญ 1,600 จุด

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงมาตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ถือว่าเป็นไปตามคาดหมาย โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่งกว่า จากการปรับตัวลงมาไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดเอเชีย

หุ้นไทยทรุดเสี่ยงหลุด
ซึ่งโดยภาพรวมได้รับผลกระทบจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารขนาดเล็กที่มีการปล่อยกู้ให้กับบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทเทคโนโลยี รวมถึงมีความกังวลต่อการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ หากออกมาในเชิงบวกจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่ออีกครั้ง โดยมองว่าการที่นักลงทุนขายหุ้นออกมาเป็นการลดความเสี่ยงการลงทุนต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งสัปดาห์หน้ายังต้องติดตามการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในวันที่ 14 มี.ค.ด้วย

นอกจากนี้ ยังมองว่าการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้นักวิเคราะห์มีการทยอยปรับประมาณการณ์ แต่ในสัปดาห์นี้แม้หลังจากที่ Valuation จะลดลงมา แต่ยังไม่มีนักวิเคราะห์ปรับประมาณการณ์เลย จึงมองเป็น “โซนซื้อ มากกว่าโซนขาย” อย่างไรก็ดีให้แนวรับไว้ที่ 1,580-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630 จุด.

อ่านข่าวเศรษฐกิจที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : เชียงใหม่คึกคักรับลมหนาว ยอดจองห้องพัก-รถตู้พุ่ง 90%

เชียงใหม่คึกคักรับลมหนาว ยอดจองห้องพัก-รถตู้พุ่ง 90%

ไฮซีซั่นเชียงใหม่คึกคักรับลมหนาว ยอดจองห้องพัก-รถตู้เช่าพุ่ง 80-90% “ยุโรป-สหรัฐอเมริกา-อาเซียน” แห่บินเที่ยว เผยรถตู้มีคิวจองยาวถึง ม.ค. 2566

เศรษฐกิจ นางละเอียด บุ้งศรีทอง ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงไฮซีซั่น 2565 เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง หลังโควิดคลี่คลายลง โดยวัดได้จากอัตราการจองห้องพักโรงแรมในช่วงเดือนธันวาคม อยู่ที่ 80-90% และมีอัตราการจองห้องพักยาวถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2566

เศรษฐกิจ เชียงใหม่

ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าที่จองห้องพักเข้ามาในช่วงเดือนธันวาคม 2565-กุมภาพันธ์ 2566 เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีสัดส่วน 50% ได้แก่ ยุโรป สหรัฐอเมริกา และอาเซียน โดยมีวันพักเฉลี่ยยาวขึ้น (3 วัน) ส่วนอีก 50% เป็นนักท่องเที่ยวคนไทย

นางละเอียดกล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและไทย ประกอบกับช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของเชียงใหม่ และขณะนี้อากาศเริ่มหนาวเย็นลง ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลนี้เพิ่มมากขึ้น

นายภูมินทร์ สนิทการ ผู้ให้บริการรถตู้เช่า (V.I.P.) ในจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงไฮซีซั่นปีนี้คึกคักอย่างมาก ซึ่งถือเป็นปีแรกหลังโควิดคลี่คลาย ที่รถตู้มีการจองยาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565-มกราคม 2566 อัตราการจองอยู่ที่ 70-80%

โดยกลุ่มลูกค้าหลักเป็นคนไทย 80% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มองค์กร บริษัทเอกชน ที่มาประชุมและศึกษาดูงานในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพบว่าลูกค้ากลุ่มนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 60%

สำหรับข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายที่จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ ทางจังหวัดจัดกิจกรรมอีเวนต์ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวหลายงาน

แนะนำข่าวเศรษฐกิจที่น่าสนใจ : เตือนคนไทย หิ้ว “ผัก-ผลไม้” เข้าญี่ปุ่น

เตือนคนไทย หิ้ว “ผัก-ผลไม้” เข้าญี่ปุ่น อาจติดคุก 3 ปี ปรับล้านเยน

วันที่ 3 ต.ค. 65 รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น ประกาศแจ้งเตือนผู้ที่จะเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นที่จะนำพืช รวมถึง ผลไม้ ผัก เมล็ดธัญพืช ดอกไม้ เมล็ดพันธุ์ ต้นพันธุ์ และสินค้าแปรรูปที่มีวัตถุดิบจากพืชบางรายการ เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น 

หิ้ว ผัก-ผลไม้ เข้าญี่ปุ่น

จะต้องแสดงใบรับรองสุขอนามัยพืช ของหน่วยงานอารักขาพืชของประเทศต้นทาง ซึ่งในส่วนของไทยหากผู้เดินทางจะนำพืชผักเข้าประเทศญี่ปุ่นจะต้องขอใบรับรอบสุขอนามัยจากกรมวิชาการเกษตรก่อน

คลัง เผยประชาชนลงทะเบียนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐปี 65 แล้ว 10.41 ล้านคน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดรับลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565

นายพรชัย-ฐีระเวช

วันที่ 12 ก.ย. 65 ณ เวลา 15.00 น. มีประชาชนลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 10,416,889 ราย โดยเป็นการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ 7,366,170 ราย และลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 3,050,719 ราย

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง คือ 1. ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน หรือ 2. ลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ สังกัดกรมบัญชีกลาง ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ ภายใต้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา เมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน ได้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.-19 ต.ค. 65

สำหรับการลงทะเบียนในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนได้ที่สาขาของธนาคารข้างต้นที่เปิดให้บริการในห้างสรรพสินค้า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ไม่สามารถลงทะเบียนได้ในวันธรรมดา

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการเปิดรับลงทะเบียนที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องการลงทะเบียน โดยขอชี้แจงประเด็นที่สำคัญ ดังนี้

1. ประชาชนที่สนใจและมีคุณสมบัติตามที่โครงการฯ กำหนด สามารถลงทะเบียนได้ทุกคน ซึ่งหากเป็นประชาชนที่มีครอบครัวแล้ว สามารถลงทะเบียนได้ทั้งสามีและภรรยา ซึ่งหากทั้งสามีและภรรยาผ่านการตรวจสอบเกณฑ์คุณสมบัติ ก็ย่อมมีสิทธิ์ในการรับสวัสดิการของรัฐตามโครงการฯ “ไม่ใช่หนึ่งครอบครัวหนึ่งสิทธิ”

2. ผู้ลงทะเบียนสามารถเลือกช่องทางการลงทะเบียนได้ตามที่ผู้ลงทะเบียนสะดวก ได้แก่ ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ หรือลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน โดยกรณีที่ผู้ลงทะเบียนเป็นคนโสดหรือไม่มีครอบครัว สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์โดยไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม

สำหรับกรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว สามารถไปที่หน่วยงานรับลงทะเบียนพร้อมทั้งครอบครัว โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน คู่สมรสและบุตร แสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน สำหรับกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน ผู้ลงทะเบียนสามารถนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตร พร้อมลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องยื่นที่หน่วยงานรับลงทะเบียนได้เช่นเดียวกัน

3. ผู้ลงทะเบียนที่เป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดหนังสือมอบอำนาจได้จากเว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย การลงทะเบียนในครั้งนี้ได้จัดให้มีผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนตามจุดรับลงทะเบียน โดยเป็นผู้ที่อยู่อาศัย ผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ หรือพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อความคุ้นเคยกับผู้ลงทะเบียนและสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังมีความร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการขอความอนุเคราะห์ให้ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ในการลงทะเบียน

สำหรับเอกสารที่ต้องยื่นที่หน่วยงานรับลงทะเบียนในกรณีดังกล่าว ประกอบด้วย 1) แบบฟอร์มการลงทะเบียนที่ลงนามโดยผู้ลงทะเบียน (ลงนามในส่วนที่ 7 และ 8) 2) หนังสือมอบอำนาจ 3) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ลงทะเบียน (ผู้มอบอำนาจ) พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง 4) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง และ 5) สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการ (ถ้ามี) หรือใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี)

4. การสมัครลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน โดยประชาชนที่สนใจและมีคุณสมบัติตามที่โครงการฯ กำหนด สามารถลงทะเบียนได้ทุกคน โดยขอให้ผู้ลงทะเบียนตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อนยืนยันการลงทะเบียน และสำหรับผู้ลงทะเบียนที่ยื่นเอกสาร ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน ขอให้เก็บรักษาส่วนที่ 11 ของแบบฟอร์มลงทะเบียนเป็นหลักฐานในการยืนยันการลงทะเบียน อย่าให้สูญหาย เพื่อประโยชน์ต่อผู้ลงทะเบียนต่อไป

ทั้งนี้ ทุกคนที่ลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th หรือตรวจสอบผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วยงานได้ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 65

themoneybet356